วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

อารยธรรมเมโสโปเตเมีย



อารยธรรมเมโสโปเตเมีย

- กำเนิดในลุ่มแม่น้ำสองสาย คือ ไทกริสและยูเฟรติส เป็นแหล่งอารยธรรมแรกของโลก เมื่อประมาณ 3500 ปี ก่อนค.ศ. เนื่องจากเป็นแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ท่ามกลางดินแดนทะเลทรายและภูเขา (ปัจจุบันได้แก่ประเทศอิรัก)
- บริเวณที่ราบที่แม่น้ำทั้งสองสายบรรจบกันและไหลลงสู่ทะเล อ่าวเปอร์เซีย เรียกว่า “บาบิโลเนีย”
- โดยเหตุนี้ ทำให้มีชนหลายกลุ่มหลายเผ่าผลัดกันมาตั้งถิ่นฐาน และมีอำนาจในดินแดนแถบนี้


3500 BC.
ชนเผ่าสุเมเรียน Sumerian


-  เป็นชนเผ่าแรกที่เข้าครอบครอง และทำการก่อสร้างระบบชลประทานเป็นชาติแรก
- สังคมของสุเมเรียนยกย่อง เกรงกลัวเทพเจ้า นิยมก่อสร้างศาสนสถานเรียกว่า “ซิกกูแรต” สร้างด้วยอิฐตากแห้ง
- ชาวสุเมเรียน เป็นกลุ่มแรกที่ประดิษฐ์อักษร ได้แก่ อักษรลิ่ม หรือ “คูนิฟอร์ม” cuneiform นักประวัติศาสตร์จึงนับเอาเป็นเกณฑ์ในการแบ่งยุคประวัติศาสตร์
- “กิลกาเมซ” Epic of Gilgamesh เป็นมหากาพย์ ที่ถูกแต่งขึ้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับน้ำท่วมโลก
- มีความเจริญทางด้านคณิตศาสตร์ ปฏิทิน และการชั่ง ตวง วัด


2000 BC. 
ชนเผ่าอามอไรต์ Amorite 


- หลังจากสุเมเรียนเสื่อมอำนาจ ชาวอามอไรต์ Amorite ได้ตั้ง อาณาจักรบาบิโลเนีย Babylonia  ขึ้นมา การปกครองแบบรวมศูนย์ การจัดเก็บภาษี การเกณฑ์ทหาร
- สมัยพระเจ้าฮัมมูราบี ( 1792-1745 B.C.) ได้มี “ประมวลกฎหมายฮัมมุราบี” เป็นลายลักษณ์อักษร จารึกแผ่นศิลา ยึดถือหลัก ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ในการลงโทษ



ชนเผ่าฮิตไทต์ Hittite
- เข้ายึดครองแทนในดินแดนแถบนี้ เมื่อ 1590 B.C.



ชนเผ่าคัสไซต์ Kassite
- อพยพมาจาก เทือกเขาซากรอส เข้าครอบครองต่อ และมีอายุยาวนานต่อเนื่องกว่า 400 ปี




800 B.C.
ชนเผ่าอัสซีเรีย
- พวกอัสซีเรียน ได้เข้ายึดครองกรุงบาบิโลน มีศูนย์กลางที่ นิเนเวห์ ตั้งจักรวรรดิอัสซีเรีย Assyrian
- สมัยพระเจ้าอัสชูร์บานิปาล 668-629 B.C. อัสซีเรียมีความเจริญขีดสุด



612 B.C
ชนเผ่าคาลเดีย
. เผ่าคาลเดียน  Chaldean  เข้ายึดครองนิเนเวห์สำเร็จ สถาปนากรุงบาบิโลนขึ้นใหม่
- สมัยพระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์ 605-562 B.C. สามารถตีเยรูซาเลม และกวาดต้นเชลยมาเป็นจำนวนมาก ได้สร้าง “สวนลอยแห่งบาบิโลน” Hanging Gardens of Babylon
- ชาวคาลเดียน เป็นชาติแรกที่นำเอาความรู้ด้านดาราศาสตร์มาพยากรณ์โชคชะตามนุษย์ และยังสามารถคำนวณด้านดาราศาสตร์ได้อย่างแม่นยำ






539 B.C.
พระเจ้าไซรัสมหาราช แห่งเปอร์เซีย
เข้ายึดครอง และผนวกเข้ากับจักรวรรดิ์เปอร์เซีย ทำให้ประวัติศาสตร์แถบเมโสโปเตเมียสิ้นสุดลง



****************************************************


ชนชาติอื่นในเอเชียไมเนอร์


ได้แก่ ดินแดนที่อยู่ระหว่าง ทะเลดำ กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (ปาเลสไตน์ ตุรกี ซีเรีย)


1. ฟินิเชียน  
1300-1000 B.C.

  •  เชี่ยวชาญในการเดินเรือทะเล มีเมืองท่าคือ ไทร์ และไซดอน ค้าขายจนถึงตอนเหนือแอฟริกา (เมืองคาร์เทจ Carthage)
  • จากการเปิดกว้างของวัฒนธรรม ทำให้ชาวฟินิเชียนดัดแปลงตัวอักษร เฮียราติก และคูนิฟอร์ม มาเป็น “อัลฟาเบต” Alphabet ต่อมากลายเป็นต้นแบบของภาษากรีก ละติน ชาติตะวันตก และตะวันออก อื่น ๆ ด้วย




2. ฮีบรู  1400 B.C


• เรียกอีกชื่อว่า “ยิว” เร่ร่อนในทะเลทราย . ถูกจับเป็นทาสที่อียิปต์ ต่อมา “โมเสส” เป็นผู้ช่วยปลดแอก แล้วอพยพไปตั้งถิ่นฐานที่ปาเลสไตน์ Canaan
• เนื่องจากเป็นชาติที่ไม่เข้มแข็งเรื่องการทหาร จึงถูกชนเผ่าอื่นครอบครองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเกิดเป็นประเทศอิสระ ชื่อว่า “อิสราเอล”
• มรดกตกทอดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้แก่ “คัมภีร์ไบเบิ้ล” ถือเป็นหลักฐานประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญของโลก รวมไปจนถึงการเป็นต้นกำเนินศาสนาคริสต์ และอิสลาม






****************************************************






2. อารยธรรมลุ่มแม่น้ำไนล์ (อียิปต์)



• อารยธรรมอียิปต์โบราณ เกิดขึ้นในบริเวณสองฝั่งของแม่น้ำไนล์
• บริเวณลุ่มแม่น้ำแบ่งเป็น 2 บริเวณ คือ Lower Egypt (ปากแม่น้ำไหลสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน) เรียกว่า “เดลตา” อารยธรรมได้เกิดขึ้นบริเวณนี้ ส่วนอีกที่คือ Upper Egypt เป็นที่แม่น้ำไหลผ่านทะเลทราย หุบเขาไปจนถึงซูดานในปัจจุบัน
• ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นทะเลทราย ดังนั้นแม่น้ำไนล์จึงเปรียบเสมือน โอเอซีส และทำให้อียิปต์ถูกป้องกันการรุกรานจากชาติอื่น ๆ โดยธรรมชาติ จนกล่าวได้ว่า “Egypt is the gift of the Nile”

2.1 อียิปต์ก่อนประวัติศาสตร์
• ชุมชนดั้งเดิมเป็นพวกเร่ร่อน ต่อมาได้พัฒนาขึ้นตามลำดับ จนเกิดชนชั้นปกครองสังคม ขยายตัวเป็นรัฐเล็ก ๆ เรียกว่า “โมนิส” มีสัญลักษณ์ เช่น สุนัข เหยี่ยว แมงป่อง ฯลฯ
• ราชวงศ์แรกที่สามารถรวมอียิปต์เป็นอาณาจักร คือ กษัตริย์เมนิส Menes 3000 B.C. ถือเป็นฟาโรห์องค์แรก มีศูนย์กลางที่เมมฟิส
• (Scorpion king) เป็นกษัตริย์องค์แรก ๆ ที่พยายามรวมอาณาจักรแต่ไมสำเร็จ

เทพเจ้าของชาวอียิปต์
• Re เทพเจ้าเร หรือ สุริยเทพ
• Osiris โอซิริส หรือ เทพแห่งแม่น้ำไนล์ เทพแห่งยมโลก
• Isis ไอซิส หรือ เทพีแห่งพื้นดิน เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์
• Set เซต เทพแห่งสงคราม
• Hathor ฮาธอร์ เทพี แห่งความรัก
• Horus ฮอรัส เทพผู้เป็นตัวแทนของฟาโรห์ทุกพระองค์
• นอกจากนี้ยังมีเทพอื่นๆที่ถือเป็นเทพเจ้าประจำแต่ละเมือง
ชาวอียิปต์ถือ ฟาโรห์เป็นเทพเจ้าพระองค์หนึ่ง ซึ่งได้แสดงออกโดยงานสร้าง และสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ที่ถวายแก่ฟาโรห์

ปิรามิด Pyramid และ มัมมี่ Mummy
• ปิรามิด สร้างโดยการสกัดหินมาเรียงเป็นขั้นบันได เป็นรูปกรวยสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ เพื่อเป็นสุสานฝังพระศพฟาโรห์ ส่วนมัมมี่ เป็นการรักษาศพไม่ให้เน่าเปื่อย ตามความเชื่อเรื่องการฟื้นคืนชีพจากตาย


2.2 อียิปต์สมัยประวัติศาสตร์
• อียิปต์ ประดิษฐ์อักษรภาพเรียกว่า “เฮียโรกลิฟิก” hieroglyphic เป็นการแกะสลักฝาผนังโบสถ์ และสุสานฟาโรห์ ต่อมาได้พัฒนาการเขียนลงในกระดาษ “ปาปิรุส”
• Book of the Dead เป็นวรรณกรรมความเชื่อของชาวอียิปต์ ที่กล่าวถึงการปฏิบัติตนเมื่อต้องเข้าไปสู่ยมโลก
• ความรู้ที่ถ่ายทอดได้แก่ วิชาดาราศาสตร์ และปฏิทินแบบสุริยคติ แบ่งปีออกเป็น 365 วัน
• สมัยปลายราชวงศ์ ได้มีการพยายามเปลี่ยนความเชื่อ จากการบูชาเทพเจ้าหลายพระองค์ ให้เหลือเพียงพระองค์เดียว ได้แก่ สุริยเทพ Aton หรือ อะตัน ซึ่งฟาโรห์เท่านั้นจะมีสิทธิ์ ส่วนประชาชนทั่วไปให้บูชาฟาโรห์แทน นี่เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ชนชาติขาดความเข้มแข็ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น