วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

สงครามโลกครั้งที่ 1






สาเหตุและผลของสงคราม

หลังคริสต์ศตวรรษที่ 19 มหาอำนาจในยุโรปเกิดขัดแย้งกันเอง

สาเหตุเกิดจากความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ จนก่อให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 18

มหาอำนาจต่าง ๆ ในตะวันตกจึงออกล่าอาณานิคมเพื่อกระจายสินค้าและแสดงแสนยานุภาพทางทหาร จึงก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในยุโรปหลายฝ่าย คือ การแข่งขันระหว่างออสเตรียกับรัสเซีย
เพื่อชิงความเป็นใหญ่เหนือคาบสมุทรบอล ข่าน และความขัดแย้งระหว่างฝรั่งเศสกับเยอรมนี

เห็นได้จากการพยายามแผ่อิทธิพลเข้าไปในคาบสมุทรบอลข่านของ จักรวรรดิรัสเซีย จักรวรรดิออตโตมาน จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี และอิตาลี เมื่อมีศัตรูมากก็ย่อมต้องการมิตรมาก จึงมีการทำสัญญาพันธมิตรขึ้นเป็นสองกลุ่ม คือ

1. ฝ่ายพันธมิตร - Triple Entente (ฝ่ายสนธิสัญญาไตรภาคี) ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย
2. ฝ่ายมหาอำนาจกลาง- Triple Alliance (ฝ่ายสนธิสัญญาไตรพันธมิตร) ได้แก่ จักรวรรดิเยอรมนี จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี และอิตาลี

สงครามโลกครั้งที่ 1 (World War I) เริ่มเปิดฉากขึ้นเมื่อ ออสเตรีย-ฮังการี (Austria-Hungary) ประกาศสงครามกับ เซอร์เบีย (Serbia) ภายหลังจาก ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ (Franz Ferdinand, Archduke of Austria) อาร์คดยุกแห่งออสเตรีย ถูกลอบปลงประชนม์ โดยชาวเซิร์บ หัวรุนแรงเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1914

ประเทศต่าง ๆ ที่เป็นอริกัน ต่างกล่าวหาซึ่งกันและกัน ในที่สุดจึงประกาศสงครามต่อกัน เป็นลูกโซ่ กลายเป็นสงครามใหญ่


ในช่วงแรกฝ่ายมหาอำนาจกลางเป็นฝ่ายมีชัย

กระทั่งในปี 1915 เรือดำน้ำเยอรมันโจมตีเรือโดยสารของอังกฤษ ซึ่งมีผู้โดยสารชาวอเมริกันอยู่ด้วย สหรัฐอเมริกาจึงตัดสินใจเข้าร่วมสงครามในปี 1917 ฝ่ายพันธมิตรจึงได้เปรียบมากขึ้น

ในปีเดียวกันรัสเซียเริ่มมีปัญหาภายในจึงได้ถอนตัวออกจากสงคราม ฝ่ายมหาอำนาจกลางเริ่มตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ

สหรัฐระดมกำลังสร้างเรือรบ และใช้ยุทธวิธีปราบเรือดำน้ำเยอรมัน ทำให้สามารถข้ามมหาสมุทรแอตแลนติคมายังยุโรปได้

ค.ศ.1918 สหรัฐฯ ส่งกำลังทหารกว่า 1,000,000 นาย และได้รับชัยชนะที่การรบที่แม่น้ำมาร์น

3 พฤศจิกายน 1918 ออสเตรีย ขอสงบศึก ต่อมา 11 พฤศจิกายน 1918 เยอรมัน จึงยอมแพ้

เยอรมนีลงนามใน สนธิสัญญาแวร์ซายส์ (Versailles Treaty) เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1919
นับเป็นวันยุติสงครามโลกครั้งที่ 1

แต่สนธิสัญญาฉบับนี้ได้ระบุให้เยอรมนีต้องรับผิดชอบจ่ายค่าปฏิกรรมสงคราม จำนวนมาก ถูกลดกำลังทหารและอาวุธ ถูกยึดดินแดนอาณานิคม ทำให้เศรษฐกิจเยอรมันตกต่ำ ประชาชนตกงาน เกิดภาวะข้าวยากหมากแพงทั่วประเทศ ชาวเยอรมันโกรธแค้น

ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) ได้ก้าวขึ้นสู่อำนาจในช่วงนี้ สร้างกระแสชาตินิยม ฉีกสนธิสัญญาแวร์ซายส์ สถาปนาลัทธินาซี พัฒนาอุตสาหกรรมและการทหาร จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ สงครามโลก ครั้งที่ 2 (World War II) ในอีก 20 ปีต่อมา

สงครามโลกครั้งที่ 1 นับเป็นความขัดแย้งครั้งใหญ่ระดับโลกครั้งแรก มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดประมาณ 8 ล้านคนและบาทเจ็บอีกกว่า 16 ล้านคน

ผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้แผนที่ยุโรปเปลี่ยนไป เนื่องจากการล่มสลายของจักรวรรดิใหญ่ทั้งสี่ ก่อให้เกิดประเทศใหม่ ๆ อีกหลายประเทศ

เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ทั่วโลก ประเทศยุโรปหลายแห่งต่างเป็นลูกหนี้ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเติบโตจนกลายเป็นประเทศมหาอำนาจของโลกหลังจากสงครามนี้


การปฏิวัติรัสเซีย

ค.ศ.1917 พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ถูกประชาชน นำโดยเลนิน โค่นอำนาจ พร้อมกับการสังหารหมู่ราชวงค์ "โรมานอฟ" เป็นการสิ้นสุดระบบกษัตริย์ของประเทศที่มีอาณาเขตมากที่สุดในโลก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น